วันที่จัดแสดง : 4 ธันวาคม 2564 - 9 มกราคม 2565 สถานที่ : เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 ณ โครงการ ธน-อาคาร ชั้น 1 ถนนราชวงศ์ จังหวัดเชียงใหม่ Date : 4 December 2021 - 9 January 2022 Venue : Chiang Mai Design Week 2021 Thana-Arkarn Project, 1st Floor, Rachawong Road, Chiang Mai วันที่จัดแสดง : 5-13 กุมภาพันธ์ 2565 สถานที่ : เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2565 ณ ห้องแกลเลอรี ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ Date : 5-13 February 2022 Venue : Bangkok Design Week 2022 Gallery Room, 1st Floor , TCDC Bangkok วันที่จัดแสดง : 25 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2565 สถานที่ : เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2565 ณ ห้องแกลเลอรี ชั้น 1 TCDC ขอนแก่น Date : 25 February - 6 March 2022 Venue : Isan Creative Festival 2022 Gallery Room, 1st Floor, TCDC Khon Kaen วันที่จัดแสดง : 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2565 สถานที่ : TCDC COMMONS Seacon Square ชั้น 3 โซน MUNx2(มันมัน) ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ Date : 1 July - 31 August 2022 Venue : TCDC COMMONS Seacon Square, 3rd Floor, MUNx2 Zone, Seacon Square Srinagarindra
herb / local / herbal / medicine / food / agriculture / wellness / tourism / economy / health
นิทรรศการ “Local Immunity ภูมิดี อยู่ดี” เป็นนิทรรศการที่เล่าถึงอาหารในแง่มุมของการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและยังเชื่อมโยงกับความจำเป็นที่ต้องมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชผักท้องถิ่น โดยจัดแสดงไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย
‘Local Immunity’ exhibition presents the perspective of food in boosting immunity for the human body and the necessity of biodiversity for preventing the ecosystem from being destroyed. The exhibition is circulating exhibited throughout regional areas in Thailand.
การใช้ชีวิตร่วมกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มาอย่างยาวนาน แม้ว่าความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคจะทำให้เรามีความหวังในการกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่วิถีชีวิตของมนุษย์บางอย่างกลับเปลี่ยนไป การอยู่บ้านเพื่อป้องกันตัวเองจากโควิด-19 และ “การกินอาหารเป็นยา” ได้กลับมาเป็นกระแสนิยมอีกครั้งในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สะสมมายาวนาน ในแต่ละพื้นที่ก็มีพืชพรรณหลากหลายให้เลือก ปรับ ผสม ตามที่พบในตำรับอาหารและตำรายาที่สืบทอดกันมาเป็นวัตถุดิบและอาหารประจำถิ่น
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้นำเสนอนิทรรศการ “Local Immunity ภูมิดี อยู่ดี” เล่าถึงอาหารในแง่มุมของการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและยังเชื่อมโยงกับความจำเป็นที่ต้องมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชผักท้องถิ่นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้สิ่งแวดล้อมถูกทำลายจนไม่มีโอกาสฟื้นคืน และเพื่อให้เราอยู่ดีมีสุขในอนาคต
For a long time, we have been living with the coronavirus disease pandemic. Despite the advances in vaccine and medicine development that have given us hope for a return to a so-called “normal life” there is something that has not been the same as it once was. Staying at home to protect ourselves from the COVID-19 makes "eating food as medicine" to increase immunity something that relieves our mind while boosting your happiness during this tough time. In each community, there is an abundance of plants available for people to select, adjust, and mix as found in traditional food and drug recipes.
Creative Economy Agency (Public Organization) therefore presents ‘Local Immunity’ , an exhibition on food from the perspective of boosting immunity for the human body. The exhibition also connects to the necessity of biodiversity for preventing the ecosystem from being destroyed to the point where there is no hope of recovery and for ensuring our well-being and happiness in the future.
ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 การกินอาหารที่ดีคือการจำกัดปริมาณและเติมสารอาหารที่ร่างกายสามารถย่อยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์เต็มที่ จนกระทั่งวิกฤตโควิด-19 ได้ปลุกให้ผู้บริโภคทั่วโลกเข้าใจถึงความสำคัญของการเลือกกินอาหาร การศึกษาฉลากและสารอาหารมากขึ้น พฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนหันมาให้ความสำคัญกับอาหาร เครื่องดื่มและสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด และการนอนหลับเพื่อสร้างสุขภาวะและร่างกายที่แข็งแรงนี้ถือว่า เป็น “วิถีนิวนอร์มอล” ที่คาดว่าจะยังอยู่แม้ว่าโควิด-19 ผ่านพ้นไป
การแพร่ระบาดโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารซึ่งเกิดจากการใช้เวลาอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน และอาจจะไม่ใช่ภาวะชั่วคราว แต่ส่งผลให้เกิด 6 เทรนด์ของการกินอาหารในยุคโควิด-19 ดังนี้
1.เจาะลึกอาหารสร้างภูมิคุ้ม
ความต้องการอาหารในกลุ่มที่มีฤทธิ์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมากขึ้นทั้งอาหารสดและอาหารเสริม โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้วิตามินซีสูง หรือกลุ่ม Probiotic เพิ่มจุลินทรีย์ดีช่วยให้ระบบการย่อยดีและสุขภาพแข็งแรง
2.อาหารสุขภาพ ราคาไม่แรง
แม้ว่าการดูแลสุขภาพจะมีความสำคัญในลำดับต้นๆ แต่ภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงักมายาวนานทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย อาหารสุขภาพที่เตะตาต้องใจในตลาดจึงไม่ใช่อาหารเสริมราคาแพงแต่เป็นอาหารธรรมดาที่มีคุณค่าและราคาเอื้อมถึง
3.กินดื่มให้หายเครียด
ความกลัวและความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ทำให้ผู้คนมากมายต้องเผชิญกับความเครียดและความวิตกกังวล อาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับดีจึงเป็นที่ต้องการของตลาด พอๆ กับอุปกรณ์สร้างบรรยากาศในการกินอย่างเช่น เครื่องหอมต่าง ๆ จากธรรมชาติ
4.อาหารว่าง คือ อาหาร
การทำงานที่บ้าน ทำให้เส้นแบ่งเวลาการเข้า-ออกงาน และเวลาพักซึ่งเป็นตัวกำหนดการกินอาหารแบบ 3 มื้อหลักนั้นไม่ชัดเจน อาหารว่างระหว่างมื้อที่เป็นมื้อย่อยๆ จึงเป็นเทรนด์การกินของคนอยู่บ้านที่สามารถกินได้ตลอดเวลา และยังสามารถทำงานไปด้วยได้
5.กินบ้าง อดบ้างเพื่อสุขภาพ
นอกจากอาหารแล้ว วิธีการกินอาหารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันก็เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ซึ่งวิธี Intermitten Fasting (IF) ที่กำหนดช่วงเวลากินและอดอาหารเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่นั้นกลายเป็นวิธีที่สร้างแบบแผนการกินแบบใหม่ในช่วงโควิด
6.เทคโนโลยีดิจิทัลคือที่พึ่ง
สื่อสังคมออนไลน์เป็นแหล่งข้อมูลหลักในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ เปิดโอกาสให้ธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับอาหารได้พัฒนาเนื้อหาในการทำตลาดและพัฒนาบริการทางแอปพลิเคชันที่ช่วยในการควบคุมและเลือกซื้ออาหารที่ตอบโจทย์ระดับบุคคลมากขึ้น
*หมายเหตุ: ผลการสำรวจผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการปรับใช้ต่อไป ที่มา : การสำรวจประจำปีครั้งที่ 9 “What’s Trending in Nutrition” ของ Pollock Communication และนิตยสาร Today’s Dietitian
Prior to the spread of the COVID-19, eating well was about limiting intake amount and replenishing digestible nutrients for maximum benefit. Until the COVID-19 pandemic, consumers around the world have been prompted to gain a better understanding of the significance of food choices as well as label and nutrient studies. The behavioral shift, they turned to attaching great importance to foods, drinks, and herbs with immunity boosting, stress relieving, and sleep inducing properties for their better health and wellness is considered a “new normal” that is expected to persist even after the COVID-19 has passed.
The COVID-19 outbreak and consequent prolonged staying at home have changed dietary habits. This may not be just a passing fad, but rather has resulted in six new long-term consumption trends, as follows:
1.Immunity-Boosting Foods
Foods with immunity boosting properties, both fresh and supplementary, are in high demand especially those with high vitamin C content and the probiotic groups that increase beneficial microorganisms improving the digestive system’s performance and ensuring better health and well being.
2.Affordable Healthy Foods
Although health care is of paramount importance. The long term economic downturn has prompted consumers to be more frugal in their spendings, resulting in eye-catching healthy foods in the market becoming not an expensive supplement, but a simple beneficial yet affordable food.
3.Stress-Relieving Consumption
Fear and uncertainty of the situation cause many people to experience stress and anxiety. Foods and drinks with stress reducing and sleep inducing properties are, therefore, in as much demand in the market as products developed to promote a favorable dining atmosphere such as natural fragrances.
4.Snacks as Meal Substitutes
Working at home blurs the lines between work and the breaks on which the three main meals are constructed. Snacking between meals has also become a trend for those working at home who can eat all the time.
5.Intermittent Fasting for Health
How to eat meals is also a concern among consumers. Intermittent Fasting (IF), which alternates eating and fasting periods to stimulate cell renewal has so become a new popular dietary regimen during the pandemic.
6.Social Media as a Go-To Platform
Social media have become a primary source for finding information about food and health, enabling food retailers to develop content for marketing and services provided through applications that help them regulate and purchase food in a more personalized manner.
*Note: US Consumer Survey results for further adoption. Source: “What’s Trending in Nutrition” by Pollock Communication, and Today’s Dietitian Magazine
นิเวศในครัวมักเป็นดัชนีวัดสุขภาวะและ “ภาวะความสุข” ของแต่ละครอบครัว เมื่อหัวใจของทุกๆ บ้านคือ ห้องครัว ในยุคที่เกิดโรคระบาดเช่นนี้ ครัวของเราควรเป็นอย่างไร “ห้องครัวภูมิดี” จึงชวนมาสำรวจวัตถุดิบที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งความอร่อยของสูตรอาหารท้องถิ่นที่สร้างภูมิคุ้มกัน และวัตถุดิบบ้านๆ นี้ยังเป็นแหล่งความสร้างสรรค์ที่แตกยอดไปสู่การคิดค้นรสสัมผัสและกลิ่นหอมที่เอื้อต่อภาวะผ่อนคลาย
ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด -19 ตลาดสมุนไพรไทยมีการเติบโตสวนกระแสอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ซบเซา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า ระหว่างปีพ.ศ. 2560-2563 การบริโภคสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี เพราะกระแสรักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ และยิ่งในช่วงวิกฤตโรคระบาดทำให้ประชาชนหันมาความสนใจกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้ประมาณการว่าในปี พ.ศ. 2653 มูลค่าทางการตลาดของสมุนไพรในประเทศนั้นจะสูงถึง 1.8 แสนล้านบาท สอดคล้องกับประเทศที่เป็นตลาดผู้นำด้านสมุนไพรที่มูลค่าการบริโภคสมุนไพรเติบโตเช่นกัน โดยประเทศจีนมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5.06 ประเทศญี่ปุ่นร้อยละ 0.85 และประเทศเกาหลีใต้ร้อยละ 5.43
Kitchen ecology is often a measure of the well-being and happiness of each home. Given that the kitchen, a source of delectable and easily accessible foods, is the heart of every home. What should our kitchen be like in this pandemic? "Immune Boosting Kitchen" invites you to explore the homegrown ingredients that are not only a source of the deliciousness of local immunity boosting recipes, but also a source of creativity that leads to the creation of foods relaxation inducing flavors and fragrances.
During the COVID-19 pandemic, the Thai herbal market has grown against other markets that are sluggish. According to the data provided by the Ministry of Agriculture and Cooperatives, it was found that from 2017 to 2020. The consumption of Thai herbs and herbal products saw an average growth rate of 10 percent per year thanks to the fact that newer generations are more health-conscious and the pandemic crisis has prompted people to turn to natural products. The Department of International Trade Promotion (DITP) under the Ministry of Commerce estimated that in 2110 the Thai herbal market value would be up to 180 billion baht. In line with the fact that the country was one of the world’s leading herbal markets with growing herbal consumption alongside China with a growth rate of 5.06%, Japan with a growth rate of 0.85%, and South Korea with a growth rate of 5.43%.
อาหารไทยมีส่วนผสมของสมุนไพรพื้นบ้านหลากหลายที่มีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านไวรัส เมื่อนำมาประกอบเป็นอาหารไทยจึงเปรียบเหมือนการกินยาที่มีรสอร่อย และถึงแม้จะมีการสกัดสารอาหารในรูปแบบแคปซูลออกมามากมายเพื่อรักษาโรคบางชนิด แต่งานวิจัยในหลายประเทศยังไม่พบว่าสารสกัดเหล่านี้เพียงอย่างเดียวจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ ดังนั้นแนวโน้มของโภชนบำบัด หรือ ‘การกินดี’ จึงเกิดได้จากความสม่ำเสมอ ความเข้าใจและการเลือกวัตถุดิบปรุงอาหารที่เหมาะกับร่างกายควบคู่กันไปมากกว่าการเพิ่มปริมาณ โดยการนำพืชที่มีประโยชน์ทางยามาเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารประจำวัน จนมักมีชื่อ “สารพฤษเคมี” หรือสารเคมีที่สร้างกลิ่น สี รสชาติและการออกฤทธิ์ในกลุ่มพืชผักผลไม้ผุดขึ้นมาให้รู้จักมากมาย
ภายในนิทรรศการมีการนำเสนอสารพฤษเคมีทั้งหมด 27 ชนิด โดยแบ่งกลุ่มตามการออกฤทธิ์ 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กลุ่มต้านอนุมูลอิสระ และกลุ่มป้องกันและลดการติดเชื้อ
Thai foods contain a variety of local herbs with immunity boosting, antiviral properties. When they are used as ingredients in Thai dishes, it is like eating delicious medicine.
However, the amount of herbs or vegetables per consumption is still a variable that imparts different actions depending on the recipient's surroundings and physiology. Despite that extracted nutrients are available in the form of capsules for the treatment of some diseases, pieces of research in many countries still did not find that these extracts alone could reduce the risk of such diseases. As a result, the key to “dietotherapy” or eating well, lies rather in the combination of understanding and selecting ingredients suitable for the body and constancy and consistency of the practice than in increasing the amount of food intake at a time.
In the exhibition, 27 types of phytochemicals are presented, divided into 3 groups, as follows:
1.ขมิ้นชัน Turmeric
ส่วนที่ใช้คือเหง้าที่อยู่ใต้ดิน มีเนื้อสีเหลืองอมส้มและกลิ่นหอม มีฤทธิ์รักษาแผลบริเวณในกระเพาะอาหารโดยเร่งการเติบโตของเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ
2.กระชาย Kaempfer
มีกลิ่นหอมสร้างความสดชื่น รากมีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อในลำไส้ที่ก่อให้เกิดภาวะท้องเสีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
3.ข่า Galangal
ส่วนที่นิยมใช้คือเหง้าข่า มีสีเหลือง กลิ่นฉุน มีฤทธิ์ลดการอักเสบและยับยั้งแบคทีเรีย ช่อดอกสามารถนำมาลวกเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจิ้มได้
4.หอมแดง Shallot
นิยมใช้ส่วนหัวและใบอ่อนสด มีฤทธิ์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และฆ่าเชื้อโรคโดยเฉพาะในช่องปากและคอ
5.ฟ้าทะลายโจร Kariyat
มีรสขมจัดจนได้ชื่อว่า ‘King of bitterness’ หรือเจ้าแห่งความขม นิยมใช้ส่วนใบและลำต้นมาปรุงยาหลายชนิด เช่น ช่วยระงับอาการอักเสบในคอจากการไอ ต่อมทอนซิลอักเสบ และอาการหวัดในกลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง
6.กะเพรา Basil
ใบกะเพราใช้ได้ทั้งแบบสดและแห้ง มีสองชนิดคือกะเพราขาวและกะเพราแดงซึ่งจะมีลักษณะออกสีแดงและมีกลิ่นฉุนกว่า นิยมใช้เป็นยามากกว่าปรุงอาหาร สำหรับเมนูอาหารกะเพราจะช่วยลดอาการจุกเสียด บรรเทาอาการไข้ ขับเหงื่อ ขับลม
7.ส้มซ่า Citron
มีขนาดเล็กเท่าผลมะนาว แต่มีเปลือกหนาขรุขระสีเข้ม กลิ่นหอมและฉ่ำน้ำ นิยมใช้ทั้งเนื้อในและเปลือกที่นำมาหั่นหรือขูดฝอยโรยบนอาหาร ออกฤทธิ์บรรเทาอาการไข้ เจ็บคอ ร้อนใน และน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยให้ผ่อนคลาย
8.ส้มจี๊ด Kumquat
ผลมีขนาดเล็กและรสเปรี้ยวจัด นิยมกินทั้งเปลือกเนื่องจากมีผิวบางและกลิ่นหอม สามารถกินผลสดหรือดองเค็มเปลือกกับเกลือ ใช้อมแก้เจ็บคอและบรรเทาอาการภูมิแพ้ในลำคอ
1.Turmeric
A herbaceous herb whose useful part is its rhizome, which has an orange-yellow flesh and gives off a pleasant fragrance. Turmeric exhibits a therapeutic action on stomach ulcers by accelerating tissue growth and reducing inflammation.
2.Kaempfer
Commonly found used to reduce fishiness in meat and seafood dishes thanks to its refreshing fragrance. Kaempfer is effective against the growth of intestinal bacteria that cause diarrhea, one of the immunocompromised syndromes.
3.Galangal
Most commonly used parts are its rhizome, which has a yellow flesh and a pungent odor, hence its being commonly found as an ingredient for foods and essential oils and its inflorescences, which can be blanched and used as a part of dipping sauces.
4.Shallot
Mainly its bulbs and leaves, should be consumed no later than six months after harvesting to acquire the optimal level of active agents that ensure the digestive system's normal performance and germ elimination, especially in the mouth and throat.
5.Kariyat
Has a sheer bitter taste that has earned it the title "the King of Bitterness." Its stems and leaves are commonly used to make various medicines, such as those that suppress throat inflammation caused by coughing, tonsillitis and cold symptoms in those with mild symptoms.
6.Basil
There are two varieties of basil: white basil and red basil, with the latter being reddish in color and having a more pungent odor, hence its being more commonly used, both fresh and dried, as an ingredient for medicines than for dishes. It helps reduce colic symptoms, relieve fever symptoms, stimulate perspiration and dispel intestinal gas.
7.Citron
That is as small as a lime, but more fragrant and succulent than lime, citron, mainly its flesh and peel. It is effective in relieving fever symptoms, sore throats and mouth ulcers. And when distilled into essential oils imparts a stress relieving action.
8.Kumquat
Small yet with a thin peel, a zesty fragrance and a sheer sour taste. Kumquat is commonly eaten fresh and whole or when pickled with salt and dried. Used as lozenges to relieve sore throats and throat allergies.
1.พริก Chilli
รสเผ็ดที่อยู่ในไส้พริกหรือรกพริกมีสารที่เรียกว่า ‘แคปไซซิน’ นอกจากบรรเทาอาการหวัดและไอเจ็บคอแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง หากต้องการวิตามินซีให้เลือกกินพริกสด
2.พริกไทยสด Fresh Pepper
มีคุณสมบัติร้อนและแห้ง มีฤทธิ์กระจายความเย็นที่กระทบร่างกายเหมาะใช้ในการลดไข้ แต่หากกินในปริมาณมากและบ่อยเกินไปจะทำให้คอบวมอักเสบ หรือเจ็บคอบ่อย
3.โหระพา (กอมก้อ) Sweet Basil
นิยมใช้ใบและยอดอ่อนมาประกอบอาหาร ช่วยดับกลิ่นคาวและชูรสชาติ ลำต้นมักนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยและใช้แต่งกลิ่น โหระพามีฤทธิ์สร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ แก้ไอ และบรรเทาอาการที่เกิดจากหลอดลมอักเสบ
4.เห็ดนางฟ้า Sajor-Caju Mushroom
นิยมนำมาปรุงสุกและอบแห้ง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีธาตุเหล็กสูง จึงสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มได้มากขึ้น และป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง
5.เห็ดหอม (เห็ดชิตาเกะ) Shiitake Mushroom
แพทย์แผนจีนเรียกเห็ดชนิดนี้ว่า ยาอายุวัฒนะ เพราะมีแร่ธาตุและสารอาหารที่มีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟูและชะลอริ้วรอยของผิวที่ถูกแสงแดด ช่วยระงับอาการปวดประสาท ลดความตึงเครียด ทำให้หลับง่าย รวมทั้งลดอาการไอ บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ
6.มะเดื่อชุมพร Cluster Fig
นิยมนำช่อดอก (ผล) มากิน ช่อดอกอ่อนจะนำไปปรุงในแกงหรือเป็นผักลวกจิ้ม แต่ถ้าสุกแล้วมีสีแดงแสดสามารถกินเป็นผลไม้ได้ ส่วนสารสกัดที่ได้จากราก มีฤทธิ์แก้ไข้เปรียบเทียบได้กับยาแอสไพริน
7.หูเสือ (หอมด่วนหลวง) Indian Borage
พบมากในภาคเหนือหรือที่ที่มีความชื้นสูง เป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน นิยมกินเป็นผักแกล้มอาหารที่มีกลิ่นคาว สามารถใช้แทนใบกะเพราได้ ส่วนใบมีฤทธิ์แก้ไอ หืดหอบ บรรเทาอาการปวด ลดไข้ ช่วยรักษาอาการหวัดคัดจมูก
1.Chilli
The spicy flavor contained in chili peppers contains a substance called ‘Capsaicin’. It helps relieve inflammation of the skin. If you need vitamin C, choose fresh chili.
2.Fresh Pepper
A climbing plant that is considered both a seasoning herb and a medicinal herb Pepper has hot and dry properties, imparts a cooling action, relieving fever symptoms.
3.Sweet Basil
Mainly its leaves and young shoots is commonly used as an ingredient for foods to reduce the fishiness and enhance the flavor with its fragrance or extracted as essential oils to be used for flavoring. Not only does it enhance appetite, but it also exhibits immunity boosting and antioxidant actions, relieving coughing and bronchitis symptoms.
4.Sajor-Caju Mushroom
Commonly prepared and dried. It is rich in iron, which is necessary for the formation of red blood cells and preventing anemia.
5.Shiitake Mushroom
In traditional Chinese medicine, Shiitake mushroom is regarded as an elixir as it contains minerals and nutrients that exhibit a wide range of actions from rejuvenating and anti aging actions on the skin exposed to sunlight, to nerve pain relieving, stress reducing, and sleep inducing, and to cough alleviating, bronchitis relieving.
6.Cluster Fig
Commonly used as an ingredient for curries or eaten as a blanched vegetable paired with a dipping sauce. Which have a bright red color are commonly eaten as a fruit. Besides, the extract from its roots has a comparative action as Aspirin.
7.Indian Borage
Commonly found in Northern Thailand and areas with high humidity. A spicy herb with a pleasant oregano-like fragrance, is commonly eaten as a side dish and can substitute basil leaves as its leaves can alleviate coughing and asthma symptoms, relieve pain and fever symptoms and help treat colds and stuffy noses.
1.มะกรูด Bergamot
ถูกจัดให้เป็นสมุนไพรและไม้ผล มีสรรพคุณทั้งเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และเป็นยาแก้อาการนอนไม่หลับ ลดเสมหะ แก้ไอ ส่วนน้ำมันจากผิวมะกรูดช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
2.มะนาว Lime
น้ำมันหอมระเหยและสารสกัดฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ส่วนน้ำช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ บรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ อาการอ่อนเพลีย และน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนนิวเคลียร์ในระบบภูมิคุ้มกัน
3.มะขามอ่อน Young Tamarind
มีรสเปรี้ยว นิยมนำไปทำน้ำพริกและปรุงรส เนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีวิตามินซีและธาตุฟอสฟอรัสสูง บำรุงกระดูกและฟัน
4.มะขามเปียก Ripe Tamarind
เนื้อในของฝักแก่กินเป็นผลไม้ มีทั้งรสหวานและเปรี้ยว เปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดจากเปลือกนี้มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน มีกรดทาร์ทาริกที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ กระตุ้นการหลั่งน้ำลายและขับเสมหะ ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบ รักษาหวัด และขับเหงื่อ
5.ขิง Ginger
มีฤทธิ์อุ่น บรรเทาอาการไอ คอแห้ง และหวัด ใช้ประโยชน์ได้หลายส่วน ตั้งแต่ราก เหง้า ต้น ใบ ดอก และแก่น อีกทั้งยังใช้นำมาปรุงอาหารได้หลายประเภท
6.ใบย่านาง Bai-Ya-Nang Leaf
ใบที่มีคลอโรฟิลล์ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับเม็ดเลือดแดงของคน ทำให้ระบบการไหลเวียนผลัดเม็ดเลือดแดงได้เพิ่มมากขึ้น และช่วยขจัดสารพิษออกจากระบบเลือด ตับ และไต จึงสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
7.ผักชีลาว Dill
ผักพื้นบ้านที่พบมากในภาคอีสานและภาคเหนือ มีกลิ่นหอมฉุนชัดเจน นิยมนำไปปรุงอาหาร หรือสกัดน้ำมันเป็นเครื่องปรุงกลิ่นได้ มีสรรพคุณทางยาช่วยกระตุ้นระบบทำงานกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นระบบหายใจ
8.ผักแขยง Rice Paddy Herb
จากที่เคยเป็นวัชพืชในนาข้าวแต่ด้วยรสเผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุน และสรรพคุณทางยา จึงทำให้ผักแขยงกลายเป็นที่นิยม ยอดอ่อนและใบมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ลดการอักเสบ กระตุ้นระบบประสาท และขยายหลอดเลือด
9.ใบเหลียง (ผักเหมียง) Gnetum Gnemon Leaf
สมุนไพรพื้นทางภาคใต้ ไม่มีกลิ่นและรสจืด แต่ช่วยให้เจริญอาหารและมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะกากใยและเบต้าแคโรทีนช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา และมีวิตามินบีที่ช่วยเรื่องความจำ บำรุงกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด
10.ตะคร้อ Ceylon Oak
ผลมีรสเปรี้ยวจัด สามารถใช้ได้ทุกส่วนตั้งแต่ราก เปลือกต้น เนื้อผล ใบอ่อน และใบแก่ มีวิตามินซีและแคลเซียม ส่งผลดีต่อหลอดเลือด รวมถึงน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดที่ช่วยแก้อาการปวดไขข้อและรักษาแผลให้สมานเร็วขึ้น
11.ใบมะม่วง Mango Leaf
นิยมใช้ใบอ่อนในการปรุงอาหารเพราะมีกลิ่นหอม มีรสเปรี้ยวฝาดช่วยชูรสชาติและเพิ่มความสดชื่น สรรพคุณทางยามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย บรรเทาอาการอักเสบ มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา และช่วยให้กระดูก เส้นผม และเหงือกแข็งแรง
12.ใบส้มเกรียบ (ส้มมวงย่าน) Asam Gelugar Leaf
ดอกมีกลิ่นหอมและกินได้ ใบและยอดอ่อนมีรสเปรี้ยวใกล้เคียงกับใบชะมวง มักใช้ปรุงอาหารมีวิตามินซีสูงมีฤทธิ์ช่วยระบาย
นอกจากนั้นเรายังสามารถแบ่งสมุนไพร พืช ผักและผลไม้ตามรสชาติได้ดังนี้
- รสอมหวานมัน: ถั่ว มันหวาน เมล็ดทานตะวัน ผักสีเขียวเข้ม เห็ด กะหล่ำ ผักหวาน งาดำ มะละกอ
- รสเผ็ดร้อน: กระเทียม ขิง หัวหอม พริก พริกไทย โหระพา
- รสเปรี้ยวสดชื่น: มะเขือเทศ ส้ม สตรอเบอรี่ มะม่วง
- รสเปรี้ยว-ฝาด-ขม: มะขามป้อม กะหล่ำ มะเดื่อ มะนาว มะกรูด มะรุม ดอกขี้เหล็ก ยอดมะยม ยอดสะเดา มะระขี้นก ผักเชียงดา
- รสจืดมีแร่ธาตุสังกะสี: เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มันเทศ ผักปวยเล้ง คะน้า
- รสเปรี้ยวจากการหมักดอง: ขิงดอง ข้าวหมาก ผักดอง
- รสเผ็ดซ่า: ขมิ้นชัน ข่า ตะไคร้ กระชาย กะเพรา
1.Bergamot
Bergamot is classified both as a herb and a fruit and as a remedy for insomnia, and for reducing phlegm and alleviating coughing.
2.Lime
When distilled into essential oils and extracts. It has an antibacterial action, alleviating headaches and relieving tonsillitis symptoms and exhaustion. And when extracted into concentrated juice, has the properties of stimulating the production of mononuclear cells in the immunity system.
3.Young Tamarind
Having a sour taste. Commonly eaten fresh as a vegetable or used to make tamarind chili paste and season Tom Klong. Its flesh contains organic acids with a mild laxative action and high levels of vitamin C and phosphorus necessary for nourishing bones and teeth.
4.Ripe Tamarind
Ripe tamarind is a multipurpose herb. Sweet and sour, the flesh inside its pods is eaten as a fruit, while its seed coats and barks are high in antioxidants, with the latter imparting a stronger antioxidant action than vitamin E. Besides, active agents, such as tartaric acid, can relieve coughing, stimulate saliva secretion, dispel phlegm, alleviate inflammation, and treat cold symptoms.
5.Ginger
With its warm properties, ginger helps relieve dry coughing and cold symptoms. Its most commonly used parts include its rhizome, roots, stems, leaves, flowers, and piths, which are used as an ingredient for a wide range of delicacies and desserts, from slightly processed ones like pickled ginger and ginger in syrup, to processed ones like capsulized and canned ginger products.
6.Bai-Ya-Nang Leaf
Commonly used parts are its leaves, roots, and vines, especially the first given that they contain chlorophyll, which is similar in structure to human red blood cells, and helps enhance the circulation of red blood cells and the removal of toxins from the blood system, liver, and kidneys, resulting in a stronger immunity system.
7.Dill
A local vegetable commonly found in Northeastern and Northern Thailand. Commonly used as an ingredient for foods, such as Kaeng Om curry, bamboo shoot curry or eaten fresh along with various chili pastes or extracted into essential oils to be used as a flavoring. It helps stimulate the digestive and respiratory systems, enhancing digesting efficiency and improving blood circulation.
8.Rice Paddy Herb
Once considered a weed as typically found in wet areas. Rice paddy herb has become a popular vegetable side dish paired with a chili paste and Kaeng Om curry thanks to its spicy taste, pungent fragrance, and medicinal actions, especially its young shoots and leaves that exhibit antiviral and bacterial properties, helping alleviate inflammation, stimulate the nervous system, and dilate blood vessels.
9.Gnetum Gnemon Leaf
A traditional herb commonly found in Southern Thailand, help improve appetite, despite being mild in odor and taste, but they also have high nutritional values, especially fiber and beta-carotene, which are higher than gourd and morning glory, which help slow down the deterioration of retinas, and B vitamins that help with memory, nourish heart muscles and blood vessels, and prevent blood clotting.
10.Ceylon Oak
Ceylon oak is a nearly ten meters tall perennial plant whose fruits, when peeled off, reveal sour, succulent flesh that is commonly used as an ingredient for Som Tam papaya salad. All of its parts, from roots and barks, to flesh and leaves, have their uses, especially the leaves, which contain vitamin C and calcium, both of which are beneficial to blood vessels, and seeds, which can extract essential oils that help relieve arthritis pain and accelerate wound healing.
11.Mango Leaf
Commonly used as an ingredient for foods, given their sour, astringent flavor and pleasant fragrance, which add a spring of freshness to them, enhancing their overall taste. Besides, they also impart antibacterial, therapeutic properties, helping relieve inflammation, and contain vitamin A, which helps maintain eyesight and strengthen bones, hair, and gums.
12.Asam Gelugar Leaf
Asam gelugar has edible flowers with an orange jasmine-like fragrance, and leaves and shoots, which taste sour like cowa leaves, but are smaller and crispier, and are commonly used as an ingredient for pork, beef, and fish dishes. Asam gelugar leaves are high in vitamin C and exhibit a laxative action.
In addition, we can also divide herbs, plants, vegetables and fruits according to their taste as follows.
- Sweet and rich: Bean, Sweet Potato, Sunflower Seed, Dark Green Vegetable, Mushroom, Cabbage, Sweet Leaf, Black Sesame, Papaya
- Hot & Spicy: Garlic, Ginger, Onion, Chili, Pepper, Basil
- Sour: Tomato, Orange, Strawberry, Mango
- Sour-tangy-bitter: Gooseberry, Cabbage, Fig, Lime, Bergamot, Moringa, Thai Copper Pod, Young Star Gooseberry, Neem, Bitter Gourd, Gurmar
- Tasteless-rich in zinc: Pumpkin Seed, Cashew Nut, Sweet Potato, Spinach, Kale
- Sour (Fermented): Pickles e.g. Ginger, Sweet Rice
- Spice: Turmeric, Galangal, Lemon Grass, Kaempfer, Basil
อาหารหมักดองที่ถูกสุขลักษณะเป็นแหล่งที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่มีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายอย่าง ‘โปรไบโอติก’ ที่สามารถผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ ป้องกันการรับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคเข้าสู่ร่างกายและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อฉวยโอกาสได้ และหากลองมองย้อนกลับมาถึงภูมิปัญญาทางด้านอาหารของแต่ละภูมิภาคจะพบว่า ในแต่ละท้องถิ่นนั้นมีอาหารจำพวกของหมักดองที่ช่วยเพิ่มโปรไบโอติกที่จำเป็นสำหรับร่างกายเช่นกัน
ดอกโสนดอง: มีธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียมบำรุงกระดูกและสมอง และธาตุเหล็กบำรุงเลือด เมื่อดองแล้วจะให้รสเปรี้ยว เค็ม หวานทานคู่น้ำพริก
ถั่วเน่า: เครื่องปรุงแทนกะปิช่วยเพิ่มรสและกลิ่นอาหารซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมของแบคทีเรียที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมีเอนไซม์ที่มีส่วนช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน มีแคลเซียมสูงป้องกันกระดูกพรุน ยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคอื่นที่อาจนำไปสู่อาการท้องเสีย มีวิตามินอีรักษาสมดุลของไขมันและน้ำบริเวณผิวหนังช่วยชะลอริ้วรอย
หน่อโอ่: หน่อไม้เป็นผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยปรับสมดุลร่างกาย แก้ร้อนในกระหายน้ำ ในการดองสามารถเลือกใช้หน่อไม้รวก หน่อไม้บง หรือหน่อไม้ซาง นิยมกินกับพริกดำ คือพริกแห้งย่างไฟ เกลือ และใบมะกรูด
กิมจิอีสาน (ส้มผัก ผักดอง): รสชาติเปรี้ยวและมัน มีสรรพคุณทางยาคือ ต้นหอมช่วยในการขับลม บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ ไขข้ออักเสบ
ปลาร้า: มีไขมันดีช่วยบำรุงหลอดเลือดหัวใจไม่ไปอุดตันหลอดเลือด และโอเมก้า 3 ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอล และช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดีไม่เปราะแตกง่าย
ปอเยาะหมัก (ทุเรียนหมักน้ำบูดู): เมนูที่ถือว่าหายากประจำภาคใต้ มีสรรพคุณของทุเรียนคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและช่วยลดระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอล
หนางหมัก (หยวกกล้วยหมัก): หยวกกล้วยถือว่าเป็นสมุนไพรมีฤทธิ์เย็น มีกากใยอาหารสูง และมีธาตุเหล็กที่ช่วยกระตุ้นการผลิดฮีโมโกบินในเลือด หลังการหมักจะได้รสเปรี้ยวกลมกล่อม
Hygienic fermented foods have beneficial microorganisms like 'probiotics' that can produce substances that fight or eliminate other types of microorganisms. By doing so, they prevent pathogenic germs from attaching to the cells and inhibit the growth of opportunistic germs. If you look back on the food wisdom in each locality, we can find the fermented foods that add essential probiotics for the body as well.
Sesbania Pickled Flower: Containing phosphorus and calcium properties, this pickled flower helps build bones and brain function. Iron also works well with hemoglobin. Thai people normally have this sour and salty pickle with a dish of chili sauce.
Fermented Soybean: Created by bacteria with high nutritional values, ferment soybean, an alternative seasoning to shrimp paste that helps enhance dishes’ flavor and fragrance, contains enzymes that help prevent blood from clotting, a high content of calcium that helps prevent osteoporosis and inhibit other pathogenic microorganisms that can lead to diarrhea, and a high content of vitamin E that maintains the hydrolipidic balance of the skin, helping slow down the emergence of wrinkles.
Fermented Bamboo Shoot: Bamboo shoot is a vegetable with a cooling action that helps balance the body and treat mouth ulcers and thirst. In the preparation of fermented bamboo shoots using a Northern food preservation method that involves applying heat to kill unnecessary microorganisms, Thai bamboo shoot, Chinese bamboo shoot, male bamboo shoot can be used. Fermented bamboo shoots are commonly eaten with black pepper (grilled dried chili, salt, and bergamot leaves).
Pickled “Som Phak” Vegetable: Dubbed as “Isan Kimchi” pickled vegetables are prepared using a vegetable processing method so that they can be kept for a long time. After being pickled, in addition to a sour and oily taste typical of pickled foods, they obtain therapeutic actions that help dispel intestinal gas, relieve stomach pain, and alleviate diarrhea, fever and rheumatism symptoms.
Pickled Fish: Pickled fish contains good fats that nourish coronary arteries and prevent them from clogging, and omega-3 fatty acids, which helps inhibit the adhesion of platelets, lower cholesterol levels, and reduce fat clogging in blood vessels, leaving them flexible and resilient.
Fermented “Poh Yoh” Durian in Budu: Considered a rare delicacy of the South, Poh Yoh, or Poh Yoh Dee Yae, is commonly eaten with rice, fried fish, and various local vegetables, giving them a sweet and salty flavor and a pleasant fragrance. Durians contain antioxidants, and help reduce fats and lower cholesterol levels.
Fermented “Nhang” Banana Stalk: After being fermented using the ingredients that are used for preparing Southern curries, banana stalks taste mellow and sour. Banana stalk is a medicinal herb with a cooling action that is high not only in fiber, but also in iron, which is necessary for stimulating hemoglobin production.
นอกจากนิทรรศการนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณของพืช ผัก และสมุนไพรแล้ว ยังมีในโซนของเมนูอาหารประจำถิ่นที่มีการแจกสูตรอาหารทั้ง 4 ภาค ให้กับผู้เข้าชมกิจกรรม เรียกได้ว่านอกจากจะได้ความรู้และข้อคิดต่างๆแล้ว ยังได้วิธีการทำและสูตรอาหารอร่อยๆ กลับไปอีกด้วย
In addition, this exhibition also has a zone to introduce local food menus from all 4 regions of Thailand for visitors to get inspired recipes back to home.
นอกเหนือจากมื้ออาหารแล้ว ‘เครื่องดื่ม’ ยังเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่เสริมความแข็งแรงให้ภูมิร่างกายได้แถมยังเพิ่มความสดชื่น ปรับอารมณ์ให้ฟื้นฟูจากความเครียดและความวิตกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในช่วงโควิดกำลังระบาด กลุ่มเครื่องดื่มประเภทที่ให้คุณประโยชน์ หรือ Functional Drink ซึ่งก็คือเครื่องดื่มสมุนไพรจากพืชและผลไม้ได้เพิ่มส่วนแบ่งในตลาดอย่างรวดเร็ว มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ในเวลาเพียงปีเดียวในระหว่างปีพ.ศ. 2562 - 2563 โดยเราสามารถแบ่งเครื่องดื่มตามรสชาติได้ดังนี้
เครื่องดื่มรสเปรี้ยว-ฝาด
‘ราชาแห่งการปรับสมดุลธาตุและการล้างพิษ’ ประกอบด้วย มะขามป้อม สมอพิเภก และสมอไทยตามตำราชาวอินเดียโบราณ มีรสเปรี้ยวร้อน นิยมดื่มเพื่อขับเสมหะเมื่อมีอาการเจ็บคอ ไอ ช่วยแก้หวัด โรคในระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากมีวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
นิยมนำเปลือกของลำต้นสดมาต้มและกรองเอาส่วนน้ำที่ได้มาดื่มเพื่อเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน และบรรเทาอาการจมูกอักเสบ ส่วนเปลือกนำหมัก อบหรือบดผงทำชา
In addition to meals, to strengthen the body's immunity system while providing a surge of freshness, but also a mood stabilizer for stress and anxiety relief. During the COVID pandemic, as coffee sales in shops and other outlets declined, the conversion to instant coffee for delivery was higher. Functional drinks, or herbal drinks made from plants and fruits, are rapidly gaining market share. Given that “ASEAN nations will focus mainly on health and protein substitutes,” in just one year from 2019, the Thai healthy beverages surged by at least 100 billion baht.
Sour Astringent Drink
Known as "The King of Elemental Balancing and Detoxification," triphala water is made from Indian Gooseberry, Beleric Myrobalan, and Chebulic Myrobalan according to ancient Indian pharmacopoeias. Hot, sour, yet slightly astringent, the drink is commonly used to dispel phlegm when having sore throats and coughing, helping treat colds and respiratory diseases, thanks to its high vitamin C content and antioxidant actions.
Fresh mango bark is commonly boiled and filtered out, leaving only water to be used as a remedy for alleviating fever and rhinitis symptoms, while fresh mango peel is commonly fermented, baked, and then powdered for making tea.
เครื่องดื่มรสหวาน
มีสารอาหารจากโปรไบโอติก หรือเชื้อราจุลินทรีย์มีชีวิต และยีสต์ที่ใช้ในการผลิต ไวน์ เบียร์ เหล้าวิสกี้ นมเปรี้ยว จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับแป้งข้าวหมากและกระแช่
มีรสค่อนข้างจืดปนขมแต่มีสรรพคุณความเย็น มักใช้ต้มกับน้ำดื่ม หรือทำชา เป็นเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการติดเชื้อ แก้อาการปวดศีรษะ และช่วยขับเหงื่อ
Sweet Drink
Spiritually, Sato is a cousin to Japanese sake, yet it is associated to Isan. This local wine brewed from glutinous rice containing probiotic nutrition, living microbes, and yeast
Given its rather bland, bitter taste, mulberry leaves are commonly boiled in drinking water or tea. Its cooling and antioxidant actions help alleviate infection, relieve headache, and stimulate perspiration.
เครื่องดื่มรสขม
ใบกัญชามีสารแคนนาบิไดออลที่ช่วยฟื้นฟูและจัดการกับความเครียด ทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีสารปรับปรุงภูมิคุ้มกัน (Immune modulator) และต้านอักเสบช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารและส่งผลเชิงบวกต่อการย่อยของลำไส้
Bitter Drink
Cannabidiol, or CBD, found in hemp leaves imparts inhibitory actions directly on the intestines; Anxiety and stress can throw the digestive system off balance, and, when CBD enters the body, it helps restore and cope with stress, thereby enhancing the efficiency of the intestines. It also contains immune-modulating and anti-inflammatory agents, which stimulate appetite and improve intestinal digestion. In Thailand, consumers, restaurants and food producers can purchase hemp from hemp farms across all regions of the country, which must be under the supervision of the government according to the law.
เครื่องดื่มรสหอมเย็น
เครื่องดื่มที่พบมากในภาคใต้ของไทย มักดื่มการเพื่อผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ช่วยรักษาระดับพลังงาน และบางครั้งเพื่อให้ทำงานที่ต้องสู้แดดหรืออากาศร้อนได้นานขึ้น
Refreshing Drink
The plant Mitragyna speciosa, commonly known as kratom, is frequently found in the southern part of Thailand. Locals daily have a sip to help them relax and sustain their energy while working hard under the heat of the region.
เครื่องดื่มรสเผ็ดร้อน
ถือเป็นการดองสมุนไพรในสุรา เป็นรูปแบบการเก็บรักษาสมุนไพรตามภูมิปัญญาของไทย นิยมใช้เพื่อให้สมุนไพรออกฤทธิ์ในร่างกายอย่างรวดเร็ว สรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย บำรุงโลหิต หลังจากดองแล้วสามารถเก็บไว้นาน 1-2 ปี
Hot-and-Spiced Drink
Pickling herbs in liquor is a herb preservation method according to Thai wisdom commonly used to allow the herbs to impart actions in the body faster. Herb-infused liquors exhibit tonic, analgesic, and blood tonic properties. After being pickling, they can be stored for 1-2 years.
ที่มา: สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
Source: Department of Thai Traditional and Alternative Medicine, Ministry of Public Health
นอกจากนั้นแล้วยังมีกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าชมได้เปลี่ยนความเคยชินกับอาหารแบบเดิมๆ มาเปลี่ยนคู่มากินไขว้ โดยการสร้างสรรค์เมนูสุขภาพใหม่จากอาหารเดิมที่มีอยู่ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง อาจลองเปลี่ยนจากข้าวเหนียวมูลเป็นข้าวเหนียวดำที่ช่วยเรื่องบำรุงเลือด ลดคลอเรสเตอรอล หรือการลองเปลี่ยนเครื่องเคียงต่างๆ โดยเลือกจากอาหารที่มีคุณประโยชน์ที่มีรส หรือสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเมนูเดิม จะทำให้เราได้เมนูที่ไม่จำเจและยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
In addition, there are also activities that allow visitors to change their familiarity with traditional food. Let's change your behaviors to eating across by creating new healthy menus from existing food. For example, the mango sticky rice, you may try to switch from glutinous rice to black glutinous rice that helps nourish the blood, lower cholesterol or try to change the side dishes by choosing from nutritious foods that are flavorful close to the original menu. That will make us have various menus that are not monotonous and have benefits for health as well.
เตือนอีกครั้ง Important
“ยังไม่มีอาหารเมนูไหน อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติใดๆ ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดได้ตอนนี้ ดังนั้น การรักษาสุขภาพและ เลือกกินของที่เสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง จึงเป็นทางออกสำหรับการปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อได้”
Important!
“Although no specific foods, dietary supplements or natural health products will prevent an infection, eating a healthy diet, along with other healthy behaviours, strengthens your immune system’s ability to fight infections.”
นอกจากอาหารเพื่อสุขภาพแล้วการใช้สมุนไพรเพื่อลดความเครียดและเสริมการนอนเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความสนใจ ‘กลิ่น’ จึงเข้ามามีบทบาทมากต่อผลิตภัณฑ์เสริมสร้างสุขภาพเพื่อความเข้าใจทางด้านจิตใจที่ดีสำหรับผู้ใช้ให้มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยที่เป็นน้ำมันที่พืชผลิตขึ้นตามธรรมชาติแทนน้ำหอมที่มีส่วนผสมน้ำมันหอมระเหย (Functional fragrance) ซึ่งกลิ่นจากธรรมชาตินี้มีหลากหลายและมีสรรพคุณบำบัดคลายความเครียด เหนื่อยล้า และปลอดภัยต่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค ภายในนิทรรศการมีการนำตัวอย่างของน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติที่มีกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย มาให้ทุกคนลองดมและเพลิดเพลินไปกับกลิ่นต่างๆ
1.กลิ่นหอมจากดอกไม้: กระดังงา พิกุล จำปา กรรณิการ์ ประยงค์
2.กลิ่นหอมจากผัก-ผลไม้: ส้มโอ ใบบัวบก ใบเตย
3.กลิ่นหอมจากเปลือกไม้: จันทร์หอม กฤษณา อบเชย
4.กลิ่นหอมจากสมุนไพร: ใบกัญชา เหง้าข่า (น้ำมันข่า) ไพล จันทน์เทศ
ที่มา: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ DITP
In addition to the immunity-boosting herbs. Aroma, as a result, plays a major role in the wellness products that have adapted their strategy to be more considerate towards their consumers’ psychological needs. Given that stressing-relieving smell is of personal preference, experts recommend using essential oils naturally extracted from plants instead of functional fragrances. These natural scents come in a variety and have stress-relieving, fatigue-alleviating, soothing properties while remaining safe for consumers’ health.
1.Scent of Florals: Ylang-ylang, Bullet wood, Champaca, Night jasmine, Chinese Rice Flower
2.Scent of Vegetal & Fruity: Pomelo, Centella, Pandan
3.Scent of Dried Bark: Sandalwood, Eaglewood, Cinnamon
4.Scent of Herbal: Cannabis leaf, Galangal (essential oil), Bengal root
Source: Department of International Trade Promotion (DITP), Ministry of Commerce
ระบบการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวที่เน้นการปลูกพืชชนิดเดียวและการใช้สารเคมีเพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมากและทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง แม้ว่าจะสามารถตอบโจทย์การบริโภคอาหารในเชิงปริมาณ แต่วิธีการเหล่านี้เป็นหนึ่งในสาเหตุของสภาพอากาศแปรปรวน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ และเกิดการเสียสมดุลในระบบนิเวศน์ที่ส่งผลกระทบต่อเราในที่สุด
เมื่อกระบวนการผลิตอาหารเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาร้ายแรงที่ไม่อาจรอช้า การแก้ปัญหาสภาพอากาศด้วยธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของแนวคิดการเกษตรแบบฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) หรือการเกษตรอินทรีย์แบบเข้มข้น โดยใช้องค์ความรู้ทางด้านเกษตรอินทรีย์ นิเวศเกษตร (Agroecology) การบริหารจัดการแบบองค์รวม และวนเกษตร (Agroforestry) เพื่อมาสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ การดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน อีกทั้งยังให้ผลผลิตที่ทนต่อสภาพอากาศและมีสารอาหารที่เข้มข้นที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้บริโภค และลดผลกระทบจากสารเคมีในชุมชนผู้ผลิต
1. เกษตรฟื้นฟู เป็นการเพาะปลูกแบบปลอดสารเคมี ส่งเสริมการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ให้หลากหลายในพื้นที่เดียวกัน และเน้นการฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ โดยการไม่กำจัดวัชพืชหรือใบไม้แห้ง ในช่วงเก็บเกี่ยวก็ไม่ถอนรากถอนโคนพืชผักต่างๆ เพื่อให้พืชสามารถสร้างชีวิตใหม่และทำให้สัตว์ใต้ดินต่างๆ กลับมาช่วยพรวนดินและสร้างดินที่มีสุขภาพดี เมื่อดินมีสุขภาพดีก็จะสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้มากขึ้น
ที่มา: www.greenery.org/articles/soil-friendly-eating/
2. นิเวศเกษตร เป็นการทำงานร่วมกับระบบนิเวศทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเสริมพลังและสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นการส่งเสริมการผลิตอาหาร ความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ ไปพร้อมกับฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นฐานของการทำเกษตรกรรมยั่งยืน รวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมี เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังทำให้พื้นที่เพาะปลูกมีเสถียรภาพ ดังนั้นการส่งเสริมระบบนิเวศเกษตรจะสามารถช่วยจัดการปัญหาทางเกษตรกรรมที่มีสาเหตุมาจาก อาทิ การตัดไม้ทำลายป่า การขาดแคลนน้ำ ความเสื่อมโทรมของดิน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นได้
ที่มา: www.sdgmove.com
3. วนเกษตร เป็นเกษตรกรรมที่นำเอาหลักการความยั่งยืนถาวรภาพของระบบป่าธรรมชาติมาเป็นแนวทางการทำเกษตร ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงกับการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้ใช้สอยต่างๆ ให้เป็นองค์ประกอบหลักของไร่นา ผสมผสานกับการปลูกพืชชั้นล่างที่ไม่ต้องการแสงแดดมาก หรือได้อาศัยร่มเงาและความชื้นจากการที่มีพืชชั้นบนขึ้นปกคลุม รวมทั้งจัดองค์ประกอบการผลิตทางเกษตรให้มีหลากหลายชนิดของพืชและสัตว์
ที่มา: มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย)
Although a monoculture system, which focuses on growing a single crop and using chemicals to achieve high yields and lower unit costs, can meet the needs of food consumption in terms of quantity, such a food production system is one of the causes of inclement weather and the loss of biodiversity that put species at risk of extinction, especially insects that help in pollination, such as bees and ladybugs, which, in turn, results in the imbalance in the ecosystem that ultimately affects us.
When food production is part of such a problem of utmost urgency, solving natural climate problems, therefore, is the starting point of the concept of Regenerative Agriculture or intensive organic agriculture, a concept that incorporates and utilizes the knowledge of organic agriculture, agroecology, agroforestry, and holistic management to create biodiversity and maintain soil and water fertility. Not only can Regenerative Agriculture reduce carbon emissions and cope with the inclement weather and the ecosystem that is in a critical stage, but it also yields weather-resistant, nutrient-rich produce that helps enhance the health of consumers and reduce the impact of chemicals in the producing communities.
1. Regenerative Agriculture is a chemical-free cultivation practice that promotes the cultivation and husbandry of a range of crops and animals in the same area, with the focus being placed on soil fertility restoration without the removal of weeds or dry leaves. During harvests, the vegetation is not uprooted so that it can regrow, drawing back subterranean animals to help loosen the soil and break down organic matter, which results in healthier soil that can store more greenhouse gases.
Source: www.greenery.org/articles/soil-friendly-eating/
2. Agroecology is a cultivation practice that works in tandem with natural ecosystems to empower and create a balance between the economy, society, and environment in order to promote food production, food security, and nutrition while restoring ecosystems and biodiversity, which is the foundation of sustainable agriculture. The agroecological process includes minimizing the use of chemicals, pesticides, and chemical fertilizers in order to develop a food production process that has a low environmental impact while stabilizing arable land. As a result, the promotion of agroecology can help address agricultural issues caused by deforestation, water shortage, soil degradation, and increasing greenhouse gas emissions.
Source: www.sdgmove.com
3. Agroforestry is a cultivation practice that adopts the principle of permanent sustainability of the natural forest system as a farming guideline, with the emphasis being placed on planting perennials, fruit trees, and other functional plants as the main components of the farm, combining them with lower plants that do not require a lot of sunlight or require the shade and moisture from the upper plants, and arranging the components of agricultural production, so that there is a variety of plants and animals.
Source: Sustainable Agriculture Foundation Thailand
ผลผลิตแบบการเกษตรฟื้นฟูเริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีการรวมตัวกันในนาม “พันธมิตรเกษตรอินทรีย์เพื่อการฟื้นฟู” (Regenerative Organic Alliance : ROA) ได้มีการจัดทำประกาศนียบัตร Regenerative Organic Certified หรือ ROC ให้กับผู้ผลิตเพื่อให้เลือกซื้อง่ายและมีส่วนสนับสนุนให้เกษตรกรกลุ่มนี้เติบโตต่อไป นอกจากนี้ร้านอาหารหลายแห่งในต่างประเทศ เริ่มหันให้ความสนใจวัตถุดิบจากฟาร์มเกษตรฟื้นฟูมากขึ้น
ส่วนในประเทศไทยนั้นเริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเกษตรฟื้นฟู และมีนโยบายที่เกี่ยวกับการต่อสู้กับความแปรปรวนสภาพอากาศ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ภายใต้ชื่อ BCG Model หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-CIrcular-Green Economy) ที่มีความสำคัญต่อประเทศทั้งในมิติด้านสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการจ้างงานมากถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนการจ้างงานรวม มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมกัน 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งครอบคลุม 4 สาขา คือ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยมีแนวทางในการดำเนินการที่สำคัญในแต่ละสาขา ดังนี้
1. การเกษตรและอาหาร: นำเทคโนโลยีมาใช้ตั้งแต่กระบวนการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค (Customer Behavior Analytics) การบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกตามความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อช่วยลดการบุกรุกผืนป่า การยกระดับสินค้าเกษตรสู่สินค้าปลอดภัย การสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสำหรับแต่ละช่วงวัย หรือการพัฒนาเป็นสารประกอบมูลค่าสูง (Functional Ingredient) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตลาดเติบโตอย่างมาก
2. สุขภาพและการแพทย์: พัฒนาขีดความสามารถด้านการสร้างนวัตกรรม ยา วัคซีน ยาชีววัตถุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการวิจัยทางคลินิคและการบริหารจัดการข้อมูลวิทยาศาสตร์การแพทย์รองรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการนำเข้า และให้ความสำคัญกับนโยบายป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพด้านการแพทย์ (Preventive Medicine) มากกว่านโยบายด้านการรักษา การขยายบริการด้านสุขภาพไปสู่การให้บริการทางการแพทย์เฉพาะบุคคล (Precision Medicine) ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลพันธุกรรม และการสร้างแพลตฟอร์มการวิจัยทางคลินิกของประเทศ
3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ: พัฒนานวัตกรรมการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งต่างๆ เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel, RDF) ก๊าซชีวภาพ พลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ในรูปแบบโรงไฟฟ้าชุมชนที่สามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าผ่านการเชื่อมต่อระบบด้วย Smart Microgrid และใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการ ในส่วนของวัสดุและเคมีชีวภาพ เน้นการต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรและของเสียไปเป็นสารประกอบ หรือผลิตภัณฑ์เคมีและวัสดุชีวภาพที่มีมูลค่าสูง อาทิ พลาสติกชีวภาพ ไฟเบอร์ เภสัชภัณฑ์
4. การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์: ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการและดูแลระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ด้วยการจัดทำระบบมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การจัดทำ National Guideline ด้านขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว จัดทำระบบบัญชีต้นทุนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวที่สำคัญ และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากการสนับสนุนอาหารที่มีกระบวนการผลิตดังกล่าวแล้ว การเลือกกินอาหารจากพืชพรรณตามฤดูกาลและหลากหลายจากท้องถิ่นก็เป็นอีกทางหนึ่งในการสนับสนุนกระบวนการผลิตแบบคืนสู่ความเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ที่มา: https://www.greenery.org , https://www.thai-german-cooperation.info และ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)
Produce from regenerative agriculture is becoming increasingly popular, especially in the United States, where there is a coalition of agricultural groups, businesses, and specialists on soil science, animal welfare, and social equity under the name "Regenerative Organic Alliance” (ROA). The organization has been issuing Regenerative Organic Certified (ROC) to producers to make it easier for consumers to buy and support this group of farmers in order that they can grow further. In addition, many restaurants abroad have begun to pay more attention to raw materials from regenerative farms.
Thailand has a set of policies known as “Bio-CIrcular-Green Economy Model” (BCG), which aims to counteract climate variability and restore the environment. Given that it involves up to half of the total employment and generates 3.4 trillion baht of economic value added, or 21% of the gross domestic product (GDP), the model is considered crucial to the country in social, economic, and environmental aspects.
BCG model encompasses four fields, namely 1. agriculture and food, 2. health and medicine, 3. energy, biomaterial, and chemistry and 4. tourism and creative economy, which have the potential to generate 4.4 trillion baht or 24% of GDP in the next 5 years, and Each field has their guidelines for their important actions.
1. Food and agriculture: This strategy can be enabled by technologies such as customer behavior analytics, smart farming technologies,optimized waste production, traceability, food and product safety, as well as the development of high-value and novel food products such as food for special groups of people (patients and the elderly, for example) and functional ingredients.?
2. Medical and wellness: The strategy includes intensive capacity building in production technology for vaccines, biopharmaceuticals and medical devices, as well as clinical research and product registration of pharmaceuticals and medical devices, all in support of Thailand’s healthcare policy of promoting preventive medicine and precision medicine. This platform is started to facilitate the utilization of genetic data as well as Precision Medicine, clinical research among involved parties including researchers, industry and regulatory bodies will also be established.
3. Bioenergy, biomaterial and biochemical: The energy sector can benefit from advanced technology in energy produced from renewable sources such as refuse derived fuel (RDF)?and biogas, as well as the establishment of community-based power plants (CBP) with?a?distributed energy resources (DERs) system using renewable energy sources, including biomass and biogas and connected through blockchain-enabled smart microgrids. This vision will require intensive research in energy storage systems. As for?the?materials?and biochemical sector, cutting-edge technologies will be developed and employed to convert biomass and agricultural by-products to high-value commodities such as bioplastics, fibers and pharmaceuticals.?
4. Tourism and creative economy: Technology and innovation will be applied to create and upgrade infrastructure and?a?digital platform to improve tourists’ convenience and experience and advance the industry to high-quality tourism. Science and technology will be employed to define national guidelines for tourism, e.g. carrying capacity, support sustainable tourism standard system and conserve and rehabilitate the environment. Also, this strategy will get entrepreneurs to be ready for the impacts of climate change on their business.
However, in addition to supporting foods produced using such production processes, eating foods made from a variety of seasonal and locally sourced foods is another way to support regenerative organic production processes.
Source: https://www.greenery.org , https://www.thai-german-cooperation.info and National Higher Education Science Research and Innovation Policy Council (NXPO)
สื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสื่ออื่นๆ ที่น่าสนใจ
สื่ออื่นๆ ที่คุณเพิ่งดู